Tuesday, December 15, 2009

วิธีลดความอ้วนแบบพุทธ

วิธีลดความอ้วนแบบพุทธ: "๓. ฝึกจิตคิดเห็นสิ่งที่เป็นปฏิกูลในขณะบริโภคอาหาร ตามปรกติปุถุชนคนธรรมดาทั่วไปเมื่อรับประทานอาหารที่มีรสชาติอร่อย จิตใจของเขาก็จะรู้สึกปลาบปลื้มยินดีกับรสชาติของอาหารนั้น ทำให้รู้สึกอยากจะรับประทานเรื่อยๆ ไปจนกว่าจะแน่นท้องรับประทานไม่ไหว หรือ คิดติดใจว่านี้คืออาหารโปรดของเรา ที่จะต้องกลับมารับประทานบ่อย ๆ อะไรทำนองนั้น นี่คือความคิดปรุงแต่งที่เป็นไปเองตามธรรมชาติของปุถุชนที่ไม่ได้รับการศึกษา
วิธีการต่อไปนี้จึงเป็นท่าไม้ตายในการทำลายความยึดติดในรสชาติของอาหาร นั่นคือ ฝึกจิตคิดเห็นสิ่งที่เป็นปฏิกูลในขณะบริโภคอาหาร ด้วยการนึกเห็นสภาพของอาหารว่าเป็นปฏิกูลในขณะที่เราขบเคี้ยวอาหารอยู่ในปาก เช่น อาจจะนึกจินตนาการให้เห็นภาพอาหารที่เราขบเคี้ยวอยู่นี้อยู่ในใจว่ามีสภาพเป็น อาจม หรือ อาเจียน หรือนึกให้เห็นอาหารนั้นอยู่ในสภาพที่เน่าบูดมีแมลงวันตอมก็ได้ ฯลฯ คือ จะนึกปรุงแต่งอย่างไรก็ได้ ขอเพียงให้เห็นภาพความเป็นปฏิกูลของอาหารในขณะที่เราขบเคี้ยวอาหารอยู่เป็นใช้ได้ เป็นวิธีคิดที่มีชื่อเรียกเป็นภาษาพระว่า 'อาหาเรปฏิกูลสัญญา' เป็นเทคนิคการคิดที่ทำให้จิตใจของเราคลายจากความยึดติดในรสชาติของอาหาร ถอยกลับคืนสู่ความเป็นปรกติ ทำให้เกิดการบริโภคอย่างพอดี ไม่บริโภคมากจนเกินไป และ สามารถควบคุมจิตใจของตนเองไม่ให้ไปเกี่ยวข้องกับอาหารโปรดแต่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยไม่มีความจำเป็นต้องไปพึ่งอาศัยยาแต่อย่างใด
อ้อ.! คุณไม่ต้องกลัวว่าการนีกเช่นนั้นจะทำให้คุณผะอืดผะอม กระอักกระอ่วน หรือ รับประทานอาหารไม่ลงนะครับ เพราะนี้เป็นเพียงแค่การนึกภาพในใจไม่ใช่การเห็นของจริงแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้าม หากคุณพิจารณาความเป็นปฏิกูลของอาหารตลอดเวลาอย่างต่อเนื่อง คุณจะได้สัมผัสความรู้สึกสงบสันติสุขในขณะรับประทานอาหาร เป็นความสุขทางใจที่คุณอาจจะไม่เคยได้พบมาก่อนในชีวิต นี้เป็นเทคนิคกระทำในใจอันแยบคาย(โยนิโสมนสิการ) ในทางพุทธศาสนาที่จะทำให้จิตใจของท่านหลุดพ้นจากอำนาจราคะที่เกิดจากรสชาติอาหารนั่นเอง
อนึ่ง อันที่จริงแล้วการควบคุมอาหาร หรือ การลดความอ้วน นี้เป็นเพียงแค่ผลพลอยได้ของคิดแบบ 'อาหาเรปฎิกูลสัญญา' เท่านั้นเอง แต่ผลตอบแทนอันคุ้มค่าสำหรับการฝึกคิดเช่นนี้ ท่านว่ามีอานิสงส์มากทีเดียว คือ สามารถทำให้เราหลุดพ้นจากกิเลสหยาบ ๆ ได้ ทำให้เรามีสุขภาพจิตผ่องใส มีสติปัญญาสว่างไสว อันเป็นบาทฐานไปสู่การหยั่งลงสู่อมตะ (ความไม่ตาย หลุดพ้น หมดทุกข์สิ้นเชิง) เฉกเช่นเดียวกับพระพุทธองค์เลยทีเดียว ดังจะขอยกพระสูตรมาอ้างดังต่อไปนี้"